เคล็ดไม่ลับการถ่ายภาพมาโคร

          ภาพมาโคร หรือ การถ่ายภาพระยะใกล้ ๆ เป็นสิ่งที่ช่างภาพทุกคนล้วนได้ทดลองถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็นการหาอุปกรณ์มาโครอย่างประหยัด เช่น ฟิลเตอร์โคลสอัพ ,ท่อต่อ และแหวนกลับเลนส์ ล้วนมีจุดประสงค์เพื่อให้ได้กำลังขยายมากพอที่จะถ่ายภาพที่ต้องการได้ และหากชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจ เลนส์มาโคร แท้ ๆ ที่มีอัตรากำลังขยาย 1:1 ไม่ว่าจะเป็นของยี่ห้อกล้อง หรือจะเป็นค่ายอิสระ ก็ล้วนแต่มีคุณภาพดี
          อุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพมาโคร ไม่ว่าคุณจะใช้อุปกรณ์เสริมอัตรากำลังขยายอะไร สิ่งที่สำคัญมากคือ ขาตั้งกล้อง การที่เลนส์ มีอัตรากำลังขยายสูง จะทำให้ภาพมีอาการสั่นได้ ขาตั้งกล้องจะช่วยให้คุณถ่ายภาพมาโครได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะขาตั้งกล้องชนิดแบบแบนราบกับพื้นได้ และจะช่วยให้จัดตำแหน่งภาพได้ดีขึ้นดีกว่าถ่ายภาพด้วยการถือกล้องด้วยมือเพียงอย่างเดียว

วิธีการถ่ายภาพมาโคร
           มักจะมีคำถามว่าถ่ายยังไงให้ฉากหลังดำ หลายคนจะบอกว่าให้เอาผ้าดำไปเป็น ฉากหลัง ก็ถือว่าไม่ผิดครับ แต่มันจะลำบาก เนื่องจากจะต้องหาคนหรืออุปกรณ์กางผ้าให้ที่ข้างหลัง และถ่ายโดยแสงธรรมชาติ จะต้องคิดอยู่สองอย่าง คือ หนึ่ง หากต้องการภาพที่ชัดลึก ภาพที่ได้อาจจะสั่นเพราะจากความไวชัตเตอร์ที่ต่ำไป สอง หากต้องการความไวชัตเตอร์ที่สูงเพียงพอกับการให้ได้ภาพที่นิ่ง ภาพที่ได้จะมีความชัดลึกที่ไม่ทั่วถึงวัตถุที่ต้องการ และทั้งสองอย่างอาจจะได้ภาพติดรอยย่นของผ้ามาด้วย

          วิธีถ่ายภาพที่ได้ฉากหลังดำ อย่างแรกที่อยากให้ทำความเข้าใจก่อนว่า การถ่ายภาพมาโครไม่จำเป็นที่ว่าฉากหลังต้องดำเสมอไป บางทีภาพฉากหลังที่มีสีอื่นถ้าสามารถทำได้อาจจะสวยกว่าภาพฉากหลังดำ การที่ฉากหลังดำเป็นเพราะ การตั้งความไวชัตเตอร์ที่สัมพันธ์กับแฟลชสูงสุดของกล้อง และ ใช้รูรับแสงที่แคบ เพื่อให้ได้ครอบคลุมวัตถุที่ต้องการถ่าย และใช้แฟลช จึงเป็นผลให้ฉากหลังมืดดำโดยไม่ต้องใช้ผ้าสีดำ โหมดที่ผมใช้ประจำคือ โหมด M

          แต่ว่าการถ่ายภาพด้วยแฟลชจากตัวกล้อง เมื่อถ่ายไปสักระยะนึง จะรู้ถึงข้อจำกัด เพราะภาพที่ได้จะรู้สึกว่ามันแบนไม่มีมิติของภาพ ช่างภาพหลายคนเลือกที่จะลดค่าความไวชัตเตอร์ให้ลดลงให้ได้แสงธรรมชาติบ้าง ก็ช่วยให้ภาพดูดีมากขึ้น หรือ การเลือกหาแฟลชสำหรับการถ่ายภาพมาโคร อย่าง Ring Flash ที่นำแฟลชไปติดหน้าเลนส์ ทำให้ทิศทางเงาของวัตถุดีขึ้น

          สำหรับเทคนิคของผม ชอบแบบการใช้แฟลชหลายตัว ( Multi Flash ) มากกว่า เพราะสามารถจัดแสงเป็นในที่เราต้องการได้ ทำให้ภาพออกมามีมิติของภาพที่ต้องการ โดยที่จะมีแฟลชหลัก และแฟลชแสงเสริมเท่าที่ต้องการ โดยจะใช้ระบบไร้สายอันทันสมัย หรือจะใช้ตาแมวแบบประหยัดก็ได้ แล้วแต่อุปกรณ์ที่มีอยู่

ถ่ายโดยไม่ใช้แฟลช ที่ s 1/250 f. 4 จะสังเกตได้ว่าภาพมี ความชัดตื้น ไม่สามารถครอบคลุมดอกไม้ไม่ได้ทั้งหมด	ถ่ายด้วยแฟลช จากตัวกล้อง ที่ s1/250 f.22 จะเห็นได้ว่าได้ฉากหลังดำ แต่ภาพจะมีฉากหลังที่รกบ้าง	ถ่ายด้วยแฟลชแบบแยก พร้อมใส่ตัวบีบแสง snoot ทำเอง ตัดฉากหลังที่รกออกไปได้

          และจากปัญหาถ่ายภาพมาโคร เรื่องแสงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาพมาโคร เกิดอารมณ์ และเป็นไปตามจินตนาการ หากสามารถควบคุมแสงได้ ก็สามารถสร้างภาพที่ถูกใจได้ ดังนั้นจึงคิดวิธีควบคุมแสงจากแสงแฟลชในการถ่ายภาพมาโครไม่ให้ฟุ้งกระจาย และทำให้เกิดมิติภาพได้ ด้วยหลักการง่าย ๆ และอุปกรณ์ง่าย ๆ ประหยัด

          หลักการมาจากอุปกรณ์สตูดิโอชนิดหนึ่ง คือ Snoot หรือกรวยบีบแสง หน้าที่มันจะบีบแสงสองไปยังที่ต้องการ ส่วนมากจะใช้ในการถ่ายภาพบุคคล ใช้ส่องให้เกิดประกายแสงหลัง หรือริมไลท์ ( Rim Light ) เพียงแต่เราเอาหลักการมันมาย่อทำ โดยการนำกระดาษดำหรือฟิวเจอร์บอร์ดมาตัด ครอบบริเวณหัวแฟลช ให้ลักษณะการส่องแสงเป็นไปเฉพาะที่ต้องการ เรียกว่าสูตรใครสูตรมัน จะชอบแบบกลมหรือ กี่เหลี่ยม ก็แล้วแต่ความต้องการ

        ประโยชน์ของสิ่งประดิษฐ์ ชิ้นนี้ มันช่วยทำให้ฉายแสงมาจากด้านที่หลังโดยไม่ให้เกิดแสงแฟร์ ที่กล้อง และส่องไปเฉพาะที่ต้องการ ทำให้ฉากหลังสะอาดมากขึ้น

	ถ่ายด้วยแฟลชตรงแบบปกติ ภาพจะออกมาแบน ๆ
	ถ่ายโดยใช้แฟลชแบบย้อนแสง จะมีแสงแฟร์ เกิดขึ้นเพราะแสงแฟลชมาโดนกระจกเลนส์
	เมื่อใส่ตัวบีบแสงเข้าไป หมดปัญหาเรื่องแฟร์ทันที และเหมือนถ่ายภาพย้อนแสงธรรมชาติ

	ถ่ายด้วยแฟลชตรงแบบปกติ ภาพจะออกมาแบน ๆ
	ถ่ายโดยใช้แฟลชปกติ หลังใบไม้ เพื่อให้เห็นลวดลายใบไม้
	เมื่อใส่ตัวบีบแสงเข้าไป หมดปัญหาเรื่องฉากหลังรก ๆ ทันที ไม่ได้รีทัชเลยนะ

          แบบนี้เราเท่ากับเป็นผู้ควบคุมแสงได้แล้ว ไม่มีแสงแดดก็ถ่ายให้เหมือนมีแสงแดดส่องลอดใต้เงาไม้ได้ หรือจะให้อยู่สักองศาไหน เอาแสงแดด แบบให้เหมือนสักกี่โมงดีล่ะครับ

แฟลชตรง	แฟลชแยก+กรวยบีบแสง

by ชัยยงค์ โกกนุทาภรณ์